วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ตัวอย่างการ "ค้น" ของนักร่างกฎหมาย


ส่วนราชการ  สำนักกฎหมายต่างประเทศ โทร. ๐ ๒๒๘๐ ๘๔๒๐-๓ โทรสาร ๐ ๒๒๘๐ ๘๔๒๖
ที่                                                               วันที่              ๗ ตุลาคม ๒๕๕๒
เรื่อง  ต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสาร “กฎหมายฝรั่งเศส พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) แปล จ.ศ. ๑๒๓๑ (พ.ศ. ๒๔๑๒)”

เรียน  ท่านเลขาธิการฯ

                   ตามที่มอบหมายให้กระผมสืบค้นต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสาร “กฎหมายฝรั่งเศส พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) แปล จ.ศ. ๑๒๓๑ (พ.ศ. ๒๔๑๒)” ที่มีการอ้างถึงในหนังสือ ๑๒๕ ปี Council of State สถาบันที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (วารสารกฎหมายปกครอง เล่ม ๑๘ ตอน ๓) (เอกสารหมายเลข ๑) ในการประชุมข้าราชการระดับสูงของสำนักงานฯ เมื่อวันจันทร์ ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ นั้น
                   กระผมดำเนินการเสร็จแล้ว และขอเรียนชี้แจงดังนี้
                   ๑. จากการตรวจสอบเอกสาร “กฎหมายฝรั่งเศส พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) แปล จ.ศ. ๑๒๓๑ (พ.ศ. ๒๔๑๒)” ที่มีการอ้างถึงในหนังสือ ๑๒๕ ปี Council of State สถาบันที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (วารสารกฎหมายปกครอง เล่ม ๑๘ ตอน ๓) กระผมพบจุดอ้างอิง ๓ ประการ ดังนี้
                             ๑.๑ ปีที่พระยาภาสกรวงศ์ทำเอกสารดังกล่าวขึ้น ซึ่งระบุว่าเป็นปี จ.ศ. ๑๒๓๑ (พ.ศ. ๒๔๑๒ หรือ ค.ศ. ๑๘๖๙)
                             ๑.๒ รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสฉบับที่พระยาภาสกรวงศ์อ้างถึงในเอกสารดังกล่าว โดยพระยาภาสกรวงศ์อ้างถึงรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. ๑๘๕๑ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสพบว่าการอ้างถึงรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. ๑๘๕๑ น่าจะไม่ถูกต้อง โดยที่ถูกต้องควรเป็นรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. ๑๘๕๒ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. ๑๘๕๒ มีการประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ค.ศ. ๑๘๕๒ (เอกสารหมายเลข ๒) แต่ได้รับความเห็นชอบจากสภาในเดือนธันวาคม ค.ศ. ๑๘๕๑ ซึ่งอาจทำให้พระยาภาสกรวงศ์มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน
                             ๑.๓ มีการอ้างถึงเอกสารภาษาต่างประเทศฉบับหนึ่งในเอกสารของพระยาภาสกรวงศ์ คือ “...ตามพระราชกำหนดในหนังสือพิมพ์ชื่อ มอนิเตอร์ ลงวันที่ ๒๑ เดือนดิเซมเบอร์ กฤษตศักราช ๑๘๖๐...”
                   ๒. จากข้อมูลตาม ๑.๑ และ ๑.๒ กระผมสันนิษฐานว่าต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสารที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำขึ้น ควรเป็นเอกสารที่ทำขึ้นระหว่างปี ค.ศ. ๑๘๕๒ อันเป็นปีที่รัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. ๑๘๕๒ มีผลใช้บังคับ ถึงปี ค.ศ. ๑๘๖๙ อันเป็นปีที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำเอกสารดังกล่าวขึ้น
                   ๓. โดยที่พระยาภาสกรวงศ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ มิใช่ภาษาฝรั่งเศส ต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสารที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำขึ้นจึงน่าจะเป็นเอกสารภาษาอังกฤษ มิใช่ภาษาฝรั่งเศส
                   ๔. จากการตรวจสอบเอกสารภาษาอังกฤษในช่วงปี ๑๘๕๒-๑๘๖๙ พบว่าในปี ค.ศ. ๑๘๖๔ (ในรัชสมัยสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย) อังกฤษได้จัดทำหนังสือรวมข้อมูลของประเทศต่าง ๆ โดยละเอียดขึ้นชื่อ Statesman’s Year-Book โดยมีข้อมูลทั่วไป การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และกฎหมายของทุกประเทศ และเป็นหนังสืออ้างอิงของข้าราชการอังกฤษที่ไปประจำการในต่างประเทศและในอาณานิคม หนังสือนี้ยังคงพิมพ์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กระผมจึงสันนิษฐานว่าพระยาภาสกรวงศ์ในฐานะที่เป็นนักเรียนเก่าอังกฤษและมีหน้าที่อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งไปเจรจากับชาวต่างประเทศมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงน่าที่จะทราบถึงความมีอยู่ของหนังสือดังกล่าว
                   ๕. จากการตรวจสอบเอกสารที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำขึ้น กระผมพบว่าตรงกับข้อมูลที่ปรากฏใน Statesman’s Year-Book ๑๘๖๗ ในส่วนข้อมูลประเทศฝรั่งเศส (เอกสารหมายเลข ๓) ดังนี้
กฎหมายฝรั่งเศส พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) แปล จ.ศ. ๑๒๓๑
Statesman’s Year-Book ๑๘๖๗
ว่าด้วยกอฟชติตุติอย
Constitution and Government หน้า ๖๓-๖๔
ว่าด้วยรูปแบบคอเฟอร์เม้นต์
Constitution and Government หน้า ๖๓-๖๔
ว่าด้วยอำนาจและการชอบธรรม
สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอราชาธิราช
Reigning Sovereign and Family หน้า ๖๑-๖๓
ว่าด้วยมินิศเตอร์เสนาบดี
Constitution and Government หน้า ๖๕-๖๘
                   ๖. นอกจากนี้ ดังได้กล่าวถึงใน ๑.๓ ข้างต้นว่าเอกสารที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำขึ้นมีการอ้างถึงเอกสารภาษาต่างประเทศฉบับหนึ่ง คือ “...ตามพระราชกำหนดในหนังสือพิมพ์ชื่อ มอนิเตอร์ ลงวันที่ ๒๑ เดือนดิเซมเบอร์ กฤษตศักราช ๑๘๖๐...” โดยเป็นการอ้างถึงเกี่ยวกับการแบ่งกระทรวงของฝรั่งเศสออกเป็น ๑๑ กระทรวง ซึ่งกระผมพบว่าเป็นการแปลตรงมาจากย่อหน้าที่ ๔ ของหน้า ๖๕ ของ Statesman’s Year-Book ๑๘๖๗ ที่ระบุว่า “There are eleven ministerial departments.  According to an Imperial Decree, promulgated in the Moniteur of Dec. 21, 1860, ….” นอกจากนี้ ข้อความขยายการอ้างถึงดังกล่าวก็เป็นการแปลตรงมาจากข้อความที่เหลือของย่อหน้าที่ ๔ ของหน้า ๖๕ โดยไม่ตกหล่น
                   ๗. จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น กระผมจึงสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสาร “กฎหมายฝรั่งเศส พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) แปล จ.ศ. ๑๒๓๑ (พ.ศ. ๒๔๑๒)” นั้นน่าจะเป็นข้อมูลจากหนังสือ Statesman’s Year-Book แต่โดยที่กระผมไม่สามารถหาข้อมูล Statesman’s Year-Book ปี ค.ศ. ๑๘๖๔, ๑๘๖๕, ๑๘๖๖, ๑๘๖๘ และ ๑๘๖๙ ได้ จึงยังไม่สามารถยืนยันในชั้นนี้ได้ว่าต้นฉบับอันเป็นที่มาของเอกสารที่พระยาภาสกรวงศ์จัดทำขึ้นนั้น มาจาก Statesman’s Year-Book ในปีใดระหว่างปี ๑๘๖๔-๑๘๖๙  หากต้องการข้อมูลชัดเจนมากกว่านี้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของสำนักพิมพ์ Statesman’s Year-Book ทางเว็บไซต์ http://www.statesmansyearbook.com/public/ ซึ่งต้องเสียค่าสมาชิก
                   ๘. อนึ่ง กระผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า หากพระยาภาสกรวงศ์ ใช้ Statesman’s Year-Book เป็นต้นฉบับเอกสารจริง คงใช้คำว่า “แปล” มิได้ แต่ควรใช้คำว่า “สรุปความ” มากกว่า เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีข้อความบางส่วนเท่านั้นที่เป็นการแปลตรง แต่ส่วนอื่นเป็นการสรุปความ
                   จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

                                                                             (นายปกรณ์ นิลประพันธ์)
                                                                      ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น